อาชีพ หน้าที่ สิ่งที่รัก และกฎหมาย: สังคมญี่ปุ่นยุคใหม่ชาวญี่ปุ่นมองศาสนาเป็นเพียงเทศกาลและพิธีกรรม ไม่ได้มีความสำคัญในแง่การนำศาสนามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอีกต่อไป มีการสำรวจพบว่าชาวญี่ปุ่นปัจจุบันนับถือศาสนาน้อยลงมากและคำตอบที่มักพบคือ "ฉันเป็นคนไม่มีศาสนา"
การดำรงอยู่ของศาสนาพุทธในญี่ปุ่นเองส่วนใหญ่เป็นระบบสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น นั่นหมายความว่าพระต้องแต่งงานและมีลูกเพื่อธำรงไว้ซึ่งวัดของตน (การสืบทอดเปลี่ยนมือได้เมื่อเปลี่ยนเจ้าอาวาสหรือผู้สืบทอดวัดเช่นกัน) ข้อดีของประเทศญี่ปุ่นคือมีการเปิดกว้างต่อความหลากหลายทางอาชีพรวมถึงการไม่กดดันคาดหวังกับการเป็นปัจเจกชนอย่างพระ พระในมุมมองของคนรุ่นใหม่จึงเป็นเพียงอาชีพที่ใช้เลี้ยงปากท้องไม่ใช่วรรณะ ตัวพระเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่งก็ตระหนักรู้ว่าคนเราสามารถสวมใส่บทบาทได้หลากหลายเช่นกัน ตัวอย่างของพระญี่ปุ่นที่นำสิ่งที่ตนชื่นชอบมาเป็นอีกหนึ่งอาชีพหรือเป็นแนวทางในการดึงคนเข้าวัดได้แก่
เจ้าอาวาส Gyosen Asakura ที่เป็น DJ จัดคอนเสิร์ตในวัดตัวเอง และ Live ในYouTube อยู่บ่อย ๆ
พระ Yogetsu Akasaka ที่เป็นนักบีตบ็อกซ์ สามารถสวดมนต์พร้อมบีตบ็อกซ์ได้ โดยเพลงสร้างชื่อคือ Heart Sutra ซึ่งเป็นการเอาบทสวดอภิธรรมศพมาเป็นเพลงบีตบ็อกซ์ (โดยทั่วไปชาวญี่ปุ่นจะทำพิธีทางพุทธศาสนาเมื่อเสียชีวิตแล้ว)
พระ Kodo Nishimura ที่เป็นนักเขียน ช่างแต่งหน้า นักพูดสร้างกำลังใจ และนักเรียกร้องสิทธิ์ชาว LGBTQ+ พระKodoถือเป็นพระญี่ปุ่นที่ดังระดับนานาชาติในขณะนี้ ประวัติของพระKodo โดยสังเขปคือสมัยเด็ก ๆ ชื่นชอบเจ้าหญิงดิสนีย์และเซเลอร์มูน เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปลายจึงไปศึกษาต่อที่บอสตันและนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะเรียนอยู่เริ่มหัดแต่งหน้าจนมีโอกาสได้ไปเป็นช่างแต่งหน้าประจำกองประกวด Miss Universe ในขณะที่อยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาพระ Kodo พบกับอิสรภาพทางความคิดและการแสดงออกแบบอเมริกันชนจนทำให้เกิดความสับสนระหว่างหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบคือการเป็นพระต่อจากพ่อ ความชอบส่วนตัวคือการแต่งหน้า และเพศวิถีเสมอ (พระ Kodo มักเรียกตัวเองว่าเป็น Homosexual และ Gender-gifted) จนวันหนึ่งเมื่อกลับมาญี่ปุ่น พระ Kodo ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งโดยถามคำว่า "ผิดบาปไหมที่เป็นพระจะแต่งตัวแบบนี้ ชอบในสิ่งนี้ และเป็น Homosexual" พระผู้ใหญ่ตอบว่า ในศาสนาพุทธทุกคนเท่าเทียม ไม่ว่าจะเพศ การศึกษา ฐานะ อาชีพ เสื้อผ้าที่สวมใส่ ทุกคนคือคนเท่ากัน เมื่อได้ฟังดังนั้นพระ Kodo จึงเลือกทำสิ่งที่ตนชอบพร้อม ๆ กับหน้าที่การเป็นพระเสมอมา ทุกวันนี้พระ Kodo ก็ยังคงมีใบประกอบวิชาชีพพระไม่มีใครมาเพิกถอนหรือปลดออกจากการเป็นพระ ตารางการทำงานของพระ Kodo ก็ยังดำเนินต่อไป คือปฏิบัติกิจของสงฆ์ในช่วงเช้า เป็นช่างแต่งหน้านักเขียนหนังสือหรือนักเรียกร้องสิทธิฯในช่วงบ่ายถึงกลางคืน
ท้ายที่สุดแม้ชาวญี่ปุ่นจะยอมรับการมีอยู่ของศาสนารวมถึงให้ความเคารพบุคคลในสายอาชีพต่าง ๆ ในทางกลับกันการยอมรับ LGBTQ+โดยผ่านออกมาเป็นกฎหมายยังเป็นเรื่องที่ต้องผลักดันกันต่อไป ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นประเทศเดียวในกลุ่มมหาอำนาจ G7 ที่ไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิ์ให้คนกลุ่มนี้ ความล้าหลังทางกฎหมายนี้ก็ดูจะไม่ต่างกับประเทศสารขัณฑ์เท่าไรนัก ประชาชนเองก็ได้แต่ภาวนาว่าสักวันกฎหมายที่กุมไว้โดยกลุ่มอนุรักษนิยมจะเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยและความหลากหลายของผู้คนในยุคปัจจุบันเสียที เพราะไม่ว่าอย่างไรความจริงก็คือเราทุกคนเป็นคนเท่ากันกฎหมายต่างห่างที่สร้างสิทธิ์ให้คนบางกลุ่มอยู่เหนือคนกลุ่มอื่นแค่นั้นเอง